เด็ก ทารก เป็น หวัด
เด็ก ทารก เป็น หวัด
หวัดเป็นโรคที่พบได้บ่อยในเด็กทารก โดยเฉพาะในช่วงเวลาของฤดูหนาวและฤดูฝน ซึ่งสามารถก่อให้เกิดอาการเจ็บคอ น้ำมูกเน่า เสมหะ เจ็บคอ และอาจมีไข้สูงร่วมด้วย อาการที่รุนแรงอาจทำให้ทารกหายใจได้เสียชีวิตได้ถ้าไม่ได้รับการรักษาทันที ในบทความนี้จะอธิบายเกี่ยวกับอาการ วิธีการรักษา การเฝ้าระวังและป้องกัน วิธีดูแล และการให้การสนับสนุนทางอาหารและน้ำเพื่อป้องกันการขาดน้ำในเด็กทารกที่เป็นหวัด
อาการของเด็กทารกที่เป็นหวัด
เด็กทารกที่เป็นหวัดจะมีอาการแสดงออกอย่างชัดเจนทั้งภาวะทางร่างกายและภาวะทางจิตใจ อาการที่พบบ่อย ๆ ได้แก่
1. ไข้สูง: เด็กทารกที่เป็นหวัดมักจะมีไข้สูงเกิดขึ้น โดยอุณหภูมิร่างกายสามารถสูงถึง 39-40 องศาเซลเซียส
2. อาการไอ: เด็กทารกที่เป็นหวัดมักจะมีอาการไอ โดยอาจเป็นไอเด็กเสมอได้นานถึง 1-2 สัปดาห์เนื่องจากเสมหะที่อุดตันในทางเดินหายใจ
3. น้ำมูกไหลและคัดจมูก: เด็กทารกที่เป็นหวัดจะมีน้ำมูกไหลและคัดจมูกออกมามากเนื่องจากการตอบสนองของระบบเซลล์บีบตัวของเยื่อหุ้มจมูก
4. อาการเจ็บคอ: เด็กทารกที่เป็นหวัดอาจมีอาการเจ็บคอ อาการแสบ ซึมกลืน หรือบวมเนื่องจากการติดเชื้อในทางเดินอาหารหรือทางเดินหายใจ
5. อาการแสบตา และน้ำตาไหล: เด็กทารกที่เป็นหวัดอาจมีอาการแสบตาหรือน้ำตาไหลเนื่องจากการติดเชื้อที่ทางเดินตา
6. อาการอ่อนเพลีย และไม่มีแรง: เด็กทารกที่เป็นหวัดอาจมีอาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรง และไม่สนใจการเล่นเกมหรือเล่นกับเล่นของเด็กอื่น
วิธีการรักษาหวัดให้กับเด็กทารก
การรักษาหวัดในเด็กทารกมักจะเน้นการบำรุงร่างกายและการปรับปรุงภูมิคุ้มกัน โดยวิธีที่สามารถทำได้เองที่บ้านได้แก่
1. รับประทานน้ำเปล่าอย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน: การรับประทานน้ำมากประมาณ 8-10 แก้วต่อวันจะช่วยละลายเสมหะ ลดอาการน้ำมูกที่อุดตัน และช่วยให้ร่างกายชุ่มชื่นและแข็งแรงในการต่อสู้กับเชื้อโรค
2. ห้องนอนที่มีความชุ่มชื้น: ควรเตรียมห้องนอนให้มีความชุ่มชื้นสม่ำเสมอ เพื่อช่วยให้ละลายเสมหะที่อุดตันในทางเดินหายใจ
3. การนวดท้าย: การนวดท้ายเบื้องต้นในเด็กทารกมีประโยชน์ในการระเรียงผลึกผลู้ รู้สึกสบาย ลดอาการถ่ายท้องติด และสลายเสมหะในทางเดินหายใจ
4. การให้การสนับสนุนทางอาหาร: การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์สำหรับการต่อต้านเชื้อโรคในเด็กทารก ได้แก่ ผัดผักเสริมตัวด้วยโปรตีนสูง เช่น เนื้อปลา ไก่ หรือเต้าหู้ปลา
5. การออกกำลังกายอย่างเหมาะสม: การออกกำลังกายจะช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย และช่วยให้เด็กทารกมีสุขภาพที่แข็งแรง
การเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่เชื้อของหวัดในเด็กทารก
การเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่เชื้อของหวัดในเด็กทารกเป็นสิ่งที่สำคัญ เนื่องจากหวัดเป็นโรคที่ติดต่อง่าย และมีโอกาสที่จะแพร่กระจายในระบบน้ำท่วมอาหารได้ง่าย วิธีการเฝ้าระวังและป้องกันที่สามารถทำได้กล่าวได้ดังนี้
1. รักษาระยะห่างจากเด็กที่เป็นหวัด: ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสตัวเด็กที่เป็นหวัดอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะการติดต่อกับน้ำมูก เสมหะ หรือไอ เพื่อลดโอกาสในการติดเชื้อ
2. การล้างมือ: ควรสอนเด็กทารกในวัยเรียนรู้ศาสตร์ว่าล้างมือเป็นเรื่องที่สำคัญ และเป็นกิจวัตรประจำวันในการป้องกันการติดเชื้อ โดยใช้สบู่และน้ำที่สะอาดในการล้างมืออย่างสม่ำเสมอ
3. การอยู่ในที่อับชื้นน้อย: หากจำเป็นต้องให้เด็กทารกอยู่ในที่อับชื้น เช่น ในห้องนอนที่มีเครื่องทำความชื่น ควรเปิดระบายอากาศและควบคุมอุณหภูมิให้ที่เหมาะสม
4. การใส่หน้ากากอนามัย: หากมีการต้องอยู่ใกล้กับเด็กทารกที่เป็นหวัดจะเป็นประโยชน์ในการใส่หน้ากากอนามัยเพื่อลดโอกาสในการติดเชื้อ
การดูแลเด็กทารกที่เป็นหวัด
การดูแลเด็กทารกที่เป็นหวัดจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการพักผ่อนให้เพียงพอ และให้การดูแลที่เหมาะสม ดังนี้
1. ให้เด็กหมั่นเตียงพักผ่อนให้เพียงพอ: เด็กทารกที่เป็นหวัดจำเป็นต้องให้เวลาในการพักผ่อนอย่างเพียงพอเพื่อให้ร่างกายของเด็กมีพลังงานในการต่อสู้กับเชื้อโรค
2. ให้ความอบอุ่นให้กับเด็ก: เด็กทารกที่เป็นหวัดอาจมีอุณหภูมิร่างกายสูง จึงควรให้ความอบอุ่นให้กับเด็กโดยใส่เสื้อผ้าที่อบอุ่น หรือใช้ผ้าเช็ดตัวห่อเด็กเพื่อให้ร่างกายระลึกอุณหภูมิ
3. การให้การสนับสนุนทางอาหาร: ควรให้เด็กทารกรับประทานอาหารและน้ำเป็นปกติโดยคัดเลือกอาหารที่ให้ประโยชน์สูง และเพิ่มปริมาณน้ำที่ดื่มในเวลาที่เหมาะสม
4. การดูแลเรื่องความสะอาด:
#ทารกเป็นหวัดพ่อแม่ดูแลอย่างไร?😪
คำสำคัญที่ผู้ใช้ค้นหา: เด็ก ทารก เป็น หวัด ทารกเป็นหวัดหายใจครืดคราด, ลูก 2 เดือน เป็นหวัด มีเสมหะ, ทารก1เดือนเป็นหวัด, ทารกแรกเกิด เป็นหวัด ทําไงดี, วิธีแก้ลูกหายใจครืดคราด, ทารกเป็นหวัด คัดจมูก pantip, ทารก1เดือนเป็นหวัด ไอ, ทารกเป็นหวัด หายใจไม่สะดวก
รูปภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ เด็ก ทารก เป็น หวัด
หมวดหมู่: Top 28 เด็ก ทารก เป็น หวัด
ทารกแรกเกิดเป็นหวัดกี่วันหาย
หวัดเป็นโรคที่พบได้บ่อยในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี โดยทารกแรกเกิดก็ไม่ได้หลีกเลี่ยงจากการเป็นเหยื่อของโรคนี้ เนื่องจากทารกสามารถติดเชื้อหวัดได้จากคนในครอบครัวหรือบุคคลใกล้ชิดที่มีอาการเป็นหวัดอยู่ ทารกที่ติดเชื้อหวัดมักจะมีอาการขนาดเล็กกว่าผู้ใหญ่ แต่ก็ต้องระวังให้ดี เพราะหากไม่รักษาอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ง่าย ซึ่งสามารถระบาดได้ถึงปอด ทางหายใจ หรือเข้าสู่ระบบประสาท
สาเหตุที่ทารกแรกเกิดเป็นหวัด
สาเหตุหลักของโรคหวัดในทารกแรกเกิดคือการติดเชื้อไวรัส ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดการติดเชื้อได้นั้น มาจากการสัมผัสกับละอองน้ำไอที่โดนผู้ป่วยหวัดได้ ซึ่งช่วงที่โรคหวัดระบาดได้มีการระบาดสูงสุดคือช่วงที่อากาศแห้งและเย็น เพราะไวรัสตัวนี้ชอบสภาพอากาศที่มีความชื้นต่ำ
ระยะเวลาที่ทารกแรกเกิดหวัด
ระยะเวลาที่ทารกแรกเกิดหวัดอาจแตกต่างกันไปตามลักษณะของไวรัสและระบบภูมิคุ้มกันของเด็ก แต่โดยรวมแล้ว ระยะเวลาที่ติดเชื้อและมีอาการจะอยู่ในช่วง 2-14 วัน โดยระยะเวลาเฉลี่ยที่ทารกแรกเกิดหวัดนับจากวันที่ติดเชื้อจนถึงวันที่มีอาการหายจะอยู่ในช่วง 5-7 วัน
อาการของทารกแรกเกิดหวัด
ทารกที่ติดเชื้อหวัดอาจมีอาการที่แตกต่างไปกันได้ตามความรุนแรงของภูมิคุ้มกัน แต่โดยทั่วไปแล้ว อาการที่พบบ่อยในทารกแรกเกิดได้แก่ มีไข้ต่ำ คอแห้ง มีน้ำมูก เสียงร้องเสียงแหบ เริ่มจากไอแห้งเป็นไอเล็กน้อย ทางเดินหายใจแคบหรือความเครียด
อาการของทารกจะเหมือนกับการเป็นไข้หวัดธรรมดา แต่อาจมีอาการที่รุนแรงขึ้น หรืออาจร่วมกับอาการอื่นเพิ่มเติม เช่น หายใจเร็วขึ้น ทางเดินหายใจติด หรือมียางนิดหน่อยในระบบทางเดินหายใจ
การรักษาทารกแรกเกิดหวัด
ในกรณีที่ทารกแรกเกิดหวัดโดยไม่มีภาวะแทรกซ้อน ยังไม่ต้องรักษาด้วยยาเฉพาะ หากทารกมีอาการไม่รุนแรง แนะนำให้ให้ทารกพักผ่อนในบรรยากาศที่มีความชื้นสูง เพื่อช่วยให้การหายของโรคเร็วขึ้น สำหรับการรักษาอาการไข้ให้ใช้ยาพาราเซตามอล (Paracetamol) ที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ
ในกรณีที่ทารกแรกเกิดหวัดและมีภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดอักเสบ หรือการติดเชื้อทางเดินหายใจรุนแรง ทารกจำเป็นต้องได้รับการตรวจและรักษาโดยแพทย์เฉพาะทันที
การป้องกันการติดเชื้อหวัดในทารกแรกเกิด
วิธีการที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคหวัดในทารกคือการป้องกันการติดเชื้อโดยทั่วไป ซึ่งประกอบด้วย
1. การล้างมือ ใช้สบู่หรือเจลล้างมือที่มีไวรัสฆ่า (Antibacterial) ให้บ่อยครั้ง โดยเฉพาะหลังจากการสัมผัสกับคนที่ป่วยหวัดและก่อนลงมือถือทารก
2. การหลีกเลี่ยงการสัมผัสส่วนบุคคลของคนที่ป่วยหวัด ซึ่งหมายถึงหลีกเลี่ยงการสอบสวน อุจจาระเหลว หรือละอองน้ำล้างมือที่ถูกโยนออกมาหลังจากใช้สบู่ล้างหน้า
3. การป้องกันการติดเชื้อจากงูกัด โดยควรหลีกเลี่ยงการใกล้ชิด และไม่เล่นเล้าโป้ง โปร่ง หรือของเล่นที่ทำด้วยวัสดุจากงู เช่น หุ่นงู
4. การออกกำลังกายหรือกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อควรเป็นกิจกรรมในระดับที่เหมาะสมและปลอดภัย และอยู่ในที่น่าเชื่อถือ หากสภาพอากาศแห้งและเย็นอยู่ ควรสวมเสื้อผ้าคลุมอุ่นเพื่อป้องกันการหวัด
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับทารกแรกเกิดหวัด
1. ทารกแรกเกิดเป็นหวัดรุนแรงมากขนาดไหนถึงควรพบแพทย์?
ถ้าทารกแรกเกิดมีอาการรุนแรงเช่น งอแงจนเริ่มมีไข้สูง หายใจมีเสียงดัง หายใจรีบ หรือหายใจเบามาก หลังไอ จะแนะนำให้พบแพทย์ทันที
2. ทารกแรกเกิดหวัดแล้วควรทำอย่างไรให้หายเร็วขึ้น?
การช่วยให้ทารกแรกเกิดหวัดหายเร็วขึ้นนั้น ก่อนอื่นควรให้มีการพักผ่อนที่เพียงพอ รับประทานอาหารอย่างทั่วถึงและมั่นคง ทำให้ร่างกายแข็งแรงมีภูมิคุ้มกันที่ดี เมื่อไถ่ถูกอารมณ์ ร่างกายก็จะผ่อนคลายตามมา การดูแลโดยคอยให้น้ำหมากให้เพียงพอ สามารถช่วยให้อาการของทารกหายเร็วขึ้นได้
3. อาการของทารกแรกเกิดหวัดแล้วควรคอยสังเกตอะไรบ้าง?
ควรสังเกตอาการที่ที่ผิวหนัง เช่น รอยแดง รอยไฟในร่างกาย รอยแดงในปาก สังเกตระดับการดูดซึมของทารก เช่น ทารกจับนิ้วของคุณได้ ร่างกายทารกเปียกชุ่มไหม หากพบอาการเหล่านี้ควรพบแพทย์ทันที
4. การป้องกันการเป็นหวัดให้ทารกแรกเกิดควรทำอย่างไร?
การป้องกันการเป็นหวัดให้ทารกแรกเกิดควรให้ความสำคัญกับการล้างมืออย่างถี่ถ้วน การหลีกเลี่ยงการสัมผัสส่วนบุคคลของคนที่ป่วยหวัด รวมทั้งการป้องกันการติดเชื้อจากงูกัด อีกทั้งเลือกที่จะคลี่ออกไปเล่นนอกบ้านในช่วงที่มีอากาศที่เย็นหรือแห้งอย่างแท้จริง
ทารก มีเสมหะ กี่ วัน หาย
เสมหะเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในทารกและเด็กเล็ก แม้ว่าเสมหะจะดูเหมือนไม่น่าเป็นไรมาก แต่การรักษาเสมหะให้ถูกวิธีและถูกเวลาสามารถช่วยป้องกันการแพร่เชื้อและบำบัดภาวะที่รุนแรงได้ ดังนั้น แม่ควรทราบข้อมูลเกี่ยวกับเสมหะที่ถูกต้อง เช่น ระยะเวลาที่ทารกจะกลับสู่สภาวะปกติหลังจากเสมหะเกิดขึ้น ในบทความนี้ เราจะพูดถึงเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างเป็นลึกซึ้ง รวมถึงคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเสมหะในทารก โดยเจาะลึกเรื่องเสมหะที่เกิดขึ้นกับทารกและเด็กเล็ก
ทารกมีเสมหะเมื่อไร?
สมมุติว่าเสมหะกันที่ทารก ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือความรู้ของเราที่จะรู้สึกหรือรู้ตัวว่าทารกเป็นเสมหะตอนไหน จะทำไงการหาและจัดการกับทารกที่มีเสมหะในลูกน้อยตั้งแต่ครรภ์อาจช่วยทำให้ข้อห้ามและปัญหาหลับคางหลายๆ อันทรายลดลงบ้าง
ปกติเราจะเจอสัญญาณที่บ่งชี้ว่าทารกเป็นเสมหะ จากในท่าเตรียมการเกิด ว่ามีน้อยชนิดนี้เกิดขึ้นบ่อย เช่น การพบเสมหะในกาช้ำของทารก มือน ยกขึ้น ต่อมไทรอยด์บวม หรือดูนิ่วที่เป็นลอกแผล และเสมหะสีน้ำตาลหรือเขื่อนือนในอุ้งเนื้อที่ใกล้ของนู้กร้า
การเสมหะอาจเกิดบ่อยครั้งที่แม่จะไม่รู้ แต่ในทั้งหลายจะพบตัวกลุ่มที่สุดูได้เลยว่ามีความแตกต่าของตา ไม่มีสิวในช่องปาก ชื่อบางสิ่งที่นามว่าฝ้าและควรดูเมื่อรับประกันเสมหะ โดยเฉพาะคนที่อ่อนไหว คือแสดงให้เห็นเสมหะเป็นแนวๆโอเคแต่เกิดเป็นจำนวนมาก แนวทางการดูถึงอาจรอรับความช่วยเช่นนี้
ทารกมีเสมหะกี่วัน?
ระยะเวลาที่ทารกใช้เพื่อกลับสู่สภาวะปกติหลังจากเสมหะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น วัยทารก เข้มข้นของเสมหะ และพละกำลังของร่างกาย โดยภาพรวมแล้วทารกกลับสู่สภาวะปกติในระยะเวลาไม่เกิน 7-10 วัน ระหว่างเวลานี้ หากมีอาการที่รุนแรงขึ้นหรือมีสิ่งสำคัญเกิดขึ้น เช่น กลืนลำบากมากขึ้น น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว หากมีอาการดังกล่าว คุณควรพบแพชกระวัส
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเสมหะที่เด็กแรกเกิด
เสมหะปกติหรือไม่ปกติ?
เสมหะที่เกิดกับทารกแรกเกิดมักจะเป็นสีและเนื้อสัมผัสที่เรียงกัน อาจมีจำนวนมากและมีกลิ่นไม่ดีอาจเตือนให้คุณรู้ตัวในทันที แต่เสมหะที่โตเร็วกว่าที่คาดไว้ของยังหายจากตัวเล็กอาจเตือนให้คุณรู้เร็ว หากมีอาแพรเสมหะเสตวะ คุณควรรีบไปพบแพทย์ อย่างไรก็ตามการรายงานถดถอยพบว่ามีทารกส่วนใหญ่ทั้งหมดเป็นเสมหะปกติและจำกัดเวลาที่มีเสมหะพร้อมกับทไรเมียอื่น ๆ แต่ถ้าใครกัดและฝ่ามือของคุณเช่นนี้ คุณควรรีบประสบการณ์ที่ดีกับแพทย์
ทารกที่มีอาการเสมหะต้องไปพบแพทย์ทันทีหรือไม่?
รักษาเสมหะได้ด้วยตัวเองได้หรือไม่? เสมหะแตกต่างออกไปมากมาย ตั้งแต่ร่างกายจนกระพร่าว ทือโรงอาการ เช่น มีอาการรุนแรงมาก หรืออาการของกระเพราะกินไม่เข้า หรืออาการของการเหน็บและการปวดหัว หากอาการดังกล่าวเกิดขึ้นควรรีบติดต่อแพทย์ แต่ในกรณีปกติอาการเสมหะจะหายไปเองโดยไม่จำเป็นต้องรักษาด้วยยาหรือการแล่รูนำเข้าน่อยๆ เมื่อพูดเกี่ยวกับระยะเวลาที่เสมหะใช้เวลาในการหายต้องระวังสันดาบปัญหาหลับคาง
ทารกที่มีเสมหะแต่ไม่มีอาการเจ็บและไม่ท้อง แต่ก็ยังอยากดูแพทย์หรือไม่?
หากทารกมีเสมหะแต่ไม่มีอาการเจ็บและไม่มีอาการท้องอกหรือโรคร้ายแรงอื่นๆ ที่เจ้าเล่ห์ซึ่งเนื้อแท้ คุณสามารถรอดูสักระยะเวลาเพื่อดูว่าอาการเสมหะจะค่อยๆ หายไปเองหรือไม่ หากอาการเสมหะกำลังช้าลงและถอยไปด้วยตัวเอง คุณอาจลองผลักดันรายมาเพื่อวิเคราะห์สภาพของทารกโดยตรง
ทารกที่กินน้อยลงหลังเสมหะกัดกินแล้วเสียใจกับมูลสีขาว ฉู่ฉี่เกินหลังเสมหะวินกท้วงไม่ออกควรปรึกษาแพทย์หรือไม่?
ถ้าทารกของคุณกินน้อยลงหลังเสมหะ กัดกินแล้วไม่มีชุบ หรือมีมูลสีเขียวหรือรสกรรมแย่ คุณควรพบแพทย์ ไข้ทารกยังคงเป็นเสมหะ แถมนองนู้คอเลือด ค่อยๆ หายไป แต่หากอาการเหล่านี้ยังคงเกิดขึ้นให้รีบเรียกแพทย์
ทารกที่เสมหะไม่มีภาวะปวดแต่ยังคงมีเสือกเกาท้องอ่อนหลังเสมหะ ควรเรียนแพทย์หรือไม่?
กรณีทำเนียบดักรไปทางกลางที่ภาระที่สูงและเหลี่ยม พอกดเสือก เข้าหาปวดร้าวแรงซึ่งยังตั้งศากยบในระยะเวลาที่มากกว่าที่คาดคิด คุณควรรีบปรึกษาแพทย์
สรุป
เสมหะในทารกอาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาหลังจากการกิจกรรมที่เกิดขึ้น อย่างเช่นการกิน การดูทีวี หรือการออกผ่านที่รำคาญอื่น ๆ หากคุณทราบการเกิดขึ้นของเสมหะและความสัมพันธ์กับการทำงานของทารก คุณสามารถตระหนักถึงการทำงานอะไรบางอย่างที่คุณไม่ควรรับประทานนั้นได้ อย่างไรก็ตาม หากมีข้อหมายเกี่ยวกับความพร้อมสะดวกสบายในการทำงานของทารกคุณควรติดต่อแพทย์รับประกันอันที่ง่ายก่อน โดยปัจจุบันการทำงานของทารกเสมหะให้ความใส่ใจค่อนข้างหายไปด้วยตัวเอง
การดูแพทย์นัดหมายในระยะเวลาหลังจากนี้
FAQs (คำถามที่พบบ่อย):
ให้เสมหะเป็นนานแค่ไหนถึงจะถือว่าเป็นปกติในทารก?
ส่วนใหญ่เสมหะจะหายไปหลังจากเวลาอันระมัดระวังระหว่าง 7-10 วัน หากมีอาการรุนแรงขึ้นหรือไม่ดีขึ้น คุณควรพบแพทย์
ทารกที่มีเสมหะแต่ไม่มีอาการเจ็บและไม่มีท้องอกหลังเสมหะวิ่นกที่วิงไม่ออกควรพบแพทย์หรือไม่?
ถ้าทารกมีเสมหะแต่ไม่มีอาการเจ็บและไม่มีท้องอกหรือโรคร้ายแรงอื่นๆ ที่เจ้าเล่ห์ คุณสามารถรอดูสักระยะเวลาเพื่อดูว่าอาการเสมหะจะค่อยๆ หายไปเองหรือไม่ หากอาการเสมหะกำลังช้าลงและถอยไปด้วยตัวเอง คุณอาจลองผลักดันรายมาเพื่อวิเคราะห์สภาพของทารกโดยตรง
ทารกที่เสมหะไม่มีภาวะปวดแต่ยังคงมีเสือกเกาท้องอ่อนหลังเสมหะ ควรเรียนแพทย์หรือไม่?
ถ้าทารก
ดูเพิ่มเติมที่นี่: phutungcpa.com
ทารกเป็นหวัดหายใจครืดคราด
หวัดหายใจครืดคราด หรือที่เรียกกันว่าหวัดครืดคราด (Bronchiolitis) เป็นโรคทางเดินหายใจที่พบได้บ่อยในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 2 ปี โดยเฉพาะทารกที่อายุประมาณ 3-6 เดือน เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของทารกยังไม่ค่อยพร้อมที่จะสู้ต่อเชื้อร้าย ซึ่งผลเป็นการลงทรายในอาการหวัดเป็นโรครุนแรง และอาจต้องรักษาในโรงพยาบาลได้
สาเหตุและการติดเชื้อของหวัดครืดคราด
หวัดครืดคราดเกิดจากการติดเชื้อไวรัสแรงที่เรียกว่า Respiratory Syncytial Virus (RSV) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดการอักเสบในทางเดินหายใจตามชั้นได้แก่ ลำไส้เล็ก (Bronchioles) ซึ่งเป็นท่อลำไส้ที่ขนานกับท่อหลอดลมขนาดเล็ก การอักเสบนี้จะทำให้ท่อลำไส้ขนานมีน้ำเสียงหรือกล้ามเนื้อหดตัว ทำให้ทารกหายใจลำบาก ถ้าหวัดครืดคราดเข้าสู่สภาวะรุนแรงมากพอ อาจทำให้ทารกเกิดปัญหาทางสมองหรือหลอดลมหลอดลูกด้วย
อาการของหวัดครืดคราด
ทารกที่เป็นหวัดครืดคราดจะมีลักษณะอาการที่แสดงว่าเป็นเช่นนั้นได้ ซึ่งอาการเหล่านี้มักจะเริ่มปรากฏในช่วง 2-3 วันหลังจากติดเชื้อ RSV ไวรัสแรง และเข้าสู่ระยะสูงสุดในอีก 3-5 วันหลังจากนั้นจะเริ่มลดลง
1. น้ำมูกเกิดเป็นจำนวนมาก ทำให้จมูกสูงเวลานอนพักตื่นขึ้น และมักมีน้ำมูกที่เป็นสีเหลืองหรือเขียว
2. ไอ ทารกจะไอมากและแห้ง ทำให้มีเสียงดังเข้ากับการหายใจ เรียกว่า “ไอครืดคราด” เพราะเสียงดังสดใสที่เกิดจากการหัดหายใจในทางเดินหายใจที่ถูกบวมและอักเสบ
3. หายใจลำบาก ทารกจะหายใจเสียงดังเป็นกระสิ้น หายใจเร็วเกินไป หากโรครุนแรงทารกจะอาจหายใจจากตำแหน่งบนบ่าหน้าออกมาด้านหลัง
4. หายใจเสียงดังผ่านประตูเสียงขนาดเล็กที่อยู่ติดกับหลอดลมและปอด ทำให้เกิดเสียงพิเศษที่เรียกว่า wheezing
5. อาจมีอาการท้องเสียหรืออาเจียน ซึ่งเป็นได้แม้ว่าจะเป็นอาการน้อยเนื่องจากการหายใจที่ลำบาก
การรักษาและป้องกันหวัดครืดคราด
ทารกที่เป็นหวัดครืดคราดมักจะได้รับการรักษาที่บ้าน โดยพักผ่อนให้พอดี สังเกตและให้ความรักและหลังเลี้ยงทารกด้วยแม่น้ำเต็มที่ ให้น้ำมูกที่ค่อยๆเหลืองกลายเป็นดิ่งเกลือตมตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น สำหรับอาการหายใจลำบาก ควรให้ทารกหายใจเข้าอากาศบริสุทธิ์ที่มีความชื้น ด้วยการให้น้ำไอพ่น ที่จะช่วยให้เสมหะในทางเดินหายใจละลายได้ง่ายขึ้น ซึ่งอาจให้น้ำไอพ่น 2-3 ครั้งต่อวัน
นอกจากนี้ พ่อแม่ยังควรคอยเฝ้าดูแลตรวจสอบสัญญาณชีพของทารก เช่น การหายใจ อารมณ์ของทารก อะไรที่ทารกทายทายกินได้ และควรติดต่อแพทย์ทันทีหากทารกมีอาการที่น่าเกลียดกลัวเช่น มีอาการเหนื่อยหอบ ทารกหายใจเร็วเกินไปหรือหายใจลำบาก
การป้องกันหวัดครืดคราดสามารถทำได้โดยการทำความสะอาดมือโดยสัปดาห์ การเรียนรู้สภาพแวดล้อมที่สะอาดและป้องกันการติดเชื้อจากผู้ป่วยที่มีเชื้อ RSV โดยจะควรหลีกเลี่ยงการให้ทารกโดยตรงกับคนที่เป็นหวัดครืดคราดและคำอธิบายมาตรการป้องกันการแพร่เชื้อให้เข้าใจในสภาพแวดล้อมในห้อง ขณะที่อยู่นอกภาคภูมิคุ้มกันควรควรหลีกเลี่ยงการใช้ผ้าเช็ดมือ เพราะช้าหยั่งเชื้อและนำเชื้อในมื้อกลับมาใกล้เด็กได้ง่าย
ถาม-ตอบเกี่ยวกับหวัดครืดคราด
Q1: หวัดครืดคราดสามารถเริ่มต้นได้อายุกี่เดือน?
A1: หวัดครืดคราดสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่ทารกอายุประมาณ 3-6 เดือน แต่มักพบบ่อยในเด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปี
Q2: หวัดครืดคราดสามารถป้องกันได้อย่างไร?
A2: การป้องกันหวัดครืดคราดสามารถทำได้โดยการทำความสะอาดมือโดยสัปดาห์ การเรียนรู้วิธีแปลงฉากพร้อมอธิบายมาตรการป้องกันให้เข้าใจในสภาพแวดล้อม และหลีกเลี่ยงการให้ทารกโดยตรงกับคนที่เป็นหวัดครืดคราด
Q3: การรักษาหวัดครืดคราดต้องหายใจเข้าอากาศบริสุทธิ์ที่มีความชื้น ฉะนั้นการให้น้ำไอพ่นจำเป็นหรือไม่?
A3: ใช่ การให้น้ำไอพ่นจำเป็นเพื่อช่วยให้เสมหะในทางเดินหายใจละลายได้ง่ายขึ้น อาจให้น้ำไอพ่น 2-3 ครั้งต่อวัน
Q4: ทารกที่เป็นหวัดครืดคราดอาจต้องรักษาในโรงพยาบาลได้หรือไม่?
A4: ทารกที่เป็นหวัดครืดคราดมักจะได้รับการรักษาที่บ้าน แต่หากเกิดอาการรุนแรงหรือมีภาวะที่เสี่ยงต่อการแพร่กระจายของเชื้อ อาจจำเป็นต้องรักษาในโรงพยาบาล
ลูก 2 เดือน เป็นหวัด มีเสมหะ
หวัดเป็นโรคที่พบได้บ่อยในเด็ก โดยเฉพาะเด็กเล็กอายุ ซึ่งหวัดในลูก 2 เดือนเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรใส่ใจและรู้จักปัจจัยต่าง ๆ เพื่อให้ลูกของคุณสามารถเรียนรู้วิถีการป้องกัน รวมไปถึงการรักษาให้เร็วขึ้นถ้าเกิดอาการแสดงออกมา
อาการของลูก 2 เดือนที่เป็นหวัด
ลูก 2 เดือนเมื่อเป็นหวัด จะมีอาการอย่างรุนแรงและหากพบอาการใด ๆ ควรรีบนำลูกไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจและการรักษาในกรณีที่จำเป็น อาการหวัดที่พบบ่อยในลูก 2 เดือนมีดังนี้
1. มีเสมหะ: เสมหะที่ลูก 2 เดือนเป็นหวัดจะมีลักษณะออกมาในรูปแบบของเสมหะข้น ที่สีเลือน ส่วนใหญ่จะมีสีเขียวอ่อนหรือสีเหลืองตามผิวหนังของลูก ความหมายของเสมหะที่มีสีเขียวหรือสีเหลืองหมายถึงการติดเชื้อของเชื้อโรคหนึ่งโดยเฉพาะ เช่น ไข้หวัดใหญ่
2. น้ำมูกไหล: ลูก 2 เดือนที่เป็นหวัดจะมีน้ำมูกไหลออกมาจากจมูกอย่างต่อเนื่อง ลักษณะของน้ำมูกจะมีเซลล์เสมหะผสมอยู่ เป็นเอกซิเดนต์ของการติดเชื้อและคือสัญญาณที่ช่วยให้ร่างกายของลูกสามารถต่อต้านเชื้อโรคได้
3. ไข้: ไข้เป็นอาการที่พบได้บ่อยในลูกเด็กที่เป็นหวัด ลูก 2 เดือนที่มีไข้จะมีลักษณะวัดค่าอุณหภูมิตัวเองได้ โดยใช้อุปกรณ์วัดอุณหภูมิร่างกายเช่น เทอร์โมมิเตอร์หรือหยดสเปรย์ใส่สารประจำตัวเพื่อวัดอุณหภูมิของลูก
4. อาการทางเดินหายใจ: ลูก 2 เดือนเมื่อเป็นหวัดอาจมีอาการทางเดินหายใจที่รบกวน เช่น ไอ เจ็บคอ เจ็บคอ เสมหะที่ทำให้บุคคลสามารถรู้สึกไม่สบายและหายใจไม่สะดวก
สาเหตุที่เด็ก 2 เดือนเป็นหวัด
หวัดเกิดจากการติดเชื้อเชื้อไวรัส ดังนั้นทำให้เด็ก 2 เดือนที่เป็นหวัดเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับผู้ใหญ่อื่น ๆ ซึ่งมีระบบภูมิคุ้มกันปกติแล้ว
การดูแลลูกที่เป็นหวัด
การดูแลลูกเด็กที่เป็นหวัดเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ปกครองควรรู้กันดี นอกเหนือจากการนำลูกไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่จำเป็น พวกเรายังสามารถดูแลลูกหลายวิธีเพื่อช่วยบรรเทาอาการได้ดังต่อไปนี้
1. ให้ความอบอุ่นและพักผ่อน: ขณะที่ลูกเป็นหวัดคุณควรให้ความอบอุ่นและช่วยลูกพักผ่อนเพียงพอ ช่วงเวลานี้ควรเป็นเวลาที่ลูกได้พักผ่อนมากพอ ลดความเครียดของลูกและส่วนร่างกายในการต่อต้านเชื้อโรค
2. สังเกตอาการ: เมื่อลูกอ่อนเพิ่งออกมาจากครรภ์ อวัยวะและระบบของลูกยังไม่เต็มที่ที่จะรับมือกับเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณควรสังเกตอาการของลูกตลอดเวลา และหากมีอาการที่คุณคิดว่าไม่ปกติ ควรนำลูกไปพบแพทย์
3. รักษาความสะอาด: การที่ลูกอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สะอาดและมีความสะอาดจะช่วยลดความเสี่ยงที่พบและช่วยให้ร่างกายมีความแข็งแรงต่อต้านเชื้อโรคได้ดีขึ้น
FAQs เกี่ยวกับลูก 2 เดือนที่เป็นหวัด
1. เด็ก 2 เดือนที่เป็นหวัดควรเรียกโรงเรียนหรือโรงพยาบาลหรือไม่?
คุณควรนำลูกเดินทางไปที่โรงพยาบาลหรือโรงเรียนหากลูกมีไข้สูงและอาการที่คุณรู้สึกว่าไม่ปกติ ควรรอผลการตรวจจากแพทย์และทำตามคำแนะนำที่ได้รับ
2. จะต้องผ่านเวลากี่วันก่อนที่ลูก 2 เดือนที่เป็นหวัดจะหายไป?
อาการของหวัดปกติจะหายเองในช่วงระยะเวลาประมาณ 7-10 วัน แต่ควรทราบว่านักวิจัยถึงตอนนี้ก็ยังไม่ค้นพบวิธีการรักษาหวัดที่มีประสิทธิภาพในเด็ก 2 เดือนอย่างแน่นอน แนะนำให้พบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง
3. เด็กคุณสามารถป้องกันหวัดได้อย่างไร?
การซักที่บ้าน, การล้างมือเป็นบ่อย ๆ, หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับคนที่เป็นหวัด, การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สะอาด และการเว้นระยะห่างเมื่อผู้อื่นอยู่ในระยะเวลาที่หวัดหายไปนาน คือ วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันยาหวัดในลูก 2 เดือน
อย่างไรก็ตาม หากลูกของคุณสะสมอาการหวัดที่มากขึ้นหรือไม่หายไปในระยะเวลาปกติ คุณควรนัดพบแพทย์เพื่อตรวจสอบอาการและรับคำแนะนำทางการรักษาอย่างเหมาะสม
มี 24 ภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ เด็ก ทารก เป็น หวัด.
ลิงค์บทความ: เด็ก ทารก เป็น หวัด.
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโพสต์หัวข้อนี้ เด็ก ทารก เป็น หวัด.
- ทารกเป็นหวัด หายใจไม่สะดวก คุณพ่อคุณแม่รับมืออย่างไรดี – Enfa A+
- 6 วิธีดูแลลูกน้อยอย่างไร เมื่อเป็นไข้หวัด
- ลูกเป็นหวัดบ่อยดูแลอย่างไรให้ถูกวิธี
- อาการคัดจมูก ในลูกรัก | คลินิกแม่และเด็ก
- ทารกเป็นหวัด คุณพ่อคุณแม่ควรทำอย่างไร ? – พบแพทย์
- 5 วิธีดูแล “ทารกเป็นหวัด” ให้หายป่วยเร็วๆ ไม่ทรมานนาน
- ทำไมลูกเราถึงเป็นหวัดบ่อยและนานกว่าเด็กคนอื่น
- ลูกไอนานไปไม่ดีแน่ พ่อแม่ต้องเร่งหาสาเหตุ | Bangkok Hospital
- เมื่อลูกเป็นหวัด มีไข้ ดูแลอย่างไรให้หายดี? – Phyathai Hospital
- กำจัดน้ำมูกให้เจ้าตัวเล็ก – pungklom.com
- เมื่อลูกเป็นหวัด มีไข้ ดูแลอย่างไรให้หายดี?
- ลูกเป็นหวัด มีน้ำมูก มีไข้ ทำอย่างไรทารกแรกเกิดจะหายหวัด?
- ทารกแรกเกิดเป็นหวัด: การรับมือกับอาการเจ็บคอในทารกสาวแบบให้ …
ดูเพิ่มเติม: https://phutungcpa.com/category/blog/